ลาล่าน้อยกับทุ่งกว้าง
ลาล่าน้อยกับทุ่งกว้าง ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงกษัตริย์มีบุตรสาว 1 คน บุตรสาวของท่านชื่อลาล่า ทั้งงามสง่าและน่ารักน่าเอ็นดูเสมือนกับ เทพธิดาลงมาจุติ เพราะเป็นลูกสาวท่านจึงรักและหวงเป็นอย่างมากท่านไม่เคยปล่อยลูกสาวออกไปเหยียบพื้นดินเลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยซึ่งไม่สามารถออกไปไหนได้นางจึงได้แต่นอนอยู่ในปราสาทจนนางกลายเป็นเจ้าหญิงที่รักการนอน เธอสามารถนอนได้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่กินไม่ดื่มอะไรแต่เธอเริ่มที่จะเบื่อมันแล้วเธอไม่อยากนอนอีกแล้วมันทำให้เธอดูไปมีเรี่ยวแรงจะทำอะไรซึ่งตัวเธอจริงๆแล้วชอบผจญภัยมากๆ แต่เธออ่านเจอแค่ในหนังสือว่ามันมหัศจรรย์สุดๆแต่ตนอยากออกไปเห็นของจริง จนวันหนึ่งนางได้เห็นเจ้านกน้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะที่หน้าต่าง ลาล่ามองเจ้านกน้อยบินเล่นบนฟ้าที่นางไม่เคยแม้แต่จะออกไปเฉยชม
ในใจลาล่านางก็อยากออกไปเที่ยวเล่นอย่างเด็นคนอื่นเขาทำกันแต่ตนเคยไปขออนุญาตเสด็จพ่อแล้วแต่ท่านก็ไม่อนุญาต ท่านเกรงว่าลูกสาวของตนจะได้รับอันตราย ลาล่าเลยหาวิธีหนีออกมาจากปราสาทของตน เธอเลยอ้างว่าเธอได้เจอเพื่อนคนหนึ่งผ่านทางหน้าต่าง นางเอาของต่างๆในโลกภายนอกมาให้ดูด้วยทำให้เธอไม่รู้สึกเหงาเพราะฉะนั้นเธอจึงอยากออกไปพบกับเพื่อนใหม่คนนั้น เมื่อเสด็จพ่อได้ยินเช่นนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ลูกสาวจองตนไม่เคยเจอโลกภายนอกเลยสักครั้งเธอจะเอาตัวรอดเช่นไรเสด็จพ่อของนางเลยอณุญาตลาล่าก็เซ้าซี่บ่นว่าเสด็จพ่อไม่รักตนแล้วสินะ ตนเเค่อยากออกำปข้างนอกแปบเดียวเองพูดตัดพ้อพ่อตัวเองจนคนเป็นพ่อใจอ่อนยอมให้นางได้ออกไปข้างนอกแต่มีข้อแม้ว่านางต้องกลับบ้านก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน นางก็ให้คำมั่นสัญญาว่านางจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดินแน่นอน
นางได้ออกมาจากปราสาทครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆนางได้เจอกับสิ่งต่างๆที่บางอย่างเธอก็เคยเจอมาแล้วในหนังสือที่นางเรียนแต่พอมาเจอของจริงมันทำให้รู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่เธอวิ่งเล่นเสมือนเป็นสนามหญ้า เจอผู้คนมากมาย เธอวิ่งเล่นจนมาถึงทุ่งกว้างแห่งหนึ่งซึ่งจากตรงนี้เธอสามารถมองเห็นปราสาทของเธออยู่เล็กน้อยแต่นั้นไม่สพคัญเท่ากับทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เธอวิ่งเล่นไปทั่วผืนหญ้าจู่ๆเธอก็สะดุดกับอะไรบ้างอย่าง หน้าของเธอจุ่มลงไปในกองหญ้า เธอร้องโอดโอยขึ้นมาแล้วหันกลับไปมองสิ่งที่เธอสะดุดก็พบโพรงขนาดเล็ก เธอมองเจ้าไปในโพรงนั้นก็เจอกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง
กระต่ายตัวนี้มีขนสีขาวและดูท่าจะนิ่มมากๆ ตาของมันใหญ่และมีสีแดง หูก็ยาว ลาล่าผู้ซึ่งไม่เคยเห็นมันมาก่อนก็ตาลุกวาวขึ้นมา “เจ้าอย่ามองข้าเช่นนั้นที ข้ากลัว” เจ้ากระต่ายพูดขึ้นมา เธอตกใจถอยไปข้างหลังอย่างว่องไว กระต่ายที่เธอเคยอ่านเจอมันพูดไม่ได้ไม่ใช่หรอ แล้วเหตุใดกระต่ายตัวนี้ถึงพูดได้กัน “นี่เธอพูดได้ด้วยหรอ” “ก็ต้องได้สิ ข้าไม่ใช่กระต่ายธรรมดาเหมือนพวกที่อยู่ข้างนอกนะ” เจ้ากระต่ายค่อยๆกระดึ้บออกมาจากโพรงของมัน “เฮ้!! เจ้ากระต่ายนั่นใครน่ะ” จู่ๆก็มีนกพิราบบินมาเกาะตรงโพรงของกระต่าย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็พึ่งเคยเห็นนางนี่แหล่ะ” ทั้งเจ้านกพิราบและเจ้ากระต่ายต่างพากันเอาแต่จ้องลาล่าจนคนโดนจ้องไม่รู้ต้องทำตัวยังไง “ เอ่ออ…เลิกจ้องข้าได้มั้ย ข้ามีนามลาล่า เป็นลูกสาวของกษัตริ์เมืองนี้” “งั้นพวกข้าต้องเรียกเจ้าว่าองค์หญิงสิ” แล้วทั้งคู่ก็โค้งคำนับให้องค์หญิงตัวน้อย “แล้วเหตุใดท่านถึงเข้ามาในที่แห่งนี้ได้”เจ้านกพิราบถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจ้าหมายความว่ายังไง ข้าก็เดินเข้ามาเฉยๆเลย ไม่เห็นมีอะไรกั้นไว้นิ” ลาล่าไม่เข้าใจคำถามที่เจ้านกถาม พื้นที่แห่งนี้ออกจะกว้างขวางใครไม่เห็นก็แปลกแล้ว “ที่นี่น่ะมันไม่เหมือนโลกที่เจ้าเคยอยู่นะ” ยิ่งเจ้านกน้อยพูดลาล่ายิ่งไม่เข้าใจ “อะไรคือคนละโลกกัน ข้าก็ยังเห็นปราสาทของข้าอยู่เลย”จู่ๆ ท้องก็เริ่มมืดลง กระต่ายเลยเดินไปหาลาล่าแล้วจูงมือของนางไปที่โพรงต้นไม้ใหญ่ที่มีสภาะเก่าแก่แค่ข้างในกลับตกแต่งอย่างดีเยี่ยม กระต่ายเชิญเธอให้มาพักด้านในก่อนแล้วเขาจะเล่าเรื่องที่เธอสงสัยให้ฟัง
เจ้ากระต่ายบอกกับเธอว่าที่ตรงนี้โดยปกติแล้วคนภายนอกจะเห็นเป็นป่าทึบเท่านั้นแต่ด้านในสามารถมองเห็นข้างนอกได้ปกติ พอมีคนภายนอกเข้ามามันจะพลางตัวให้ทันที แต่ที่จริงพวกเขาก็ไม่เห็นหรอก พวกเขาก็จะเห็นเป็นป่าไม้ทึบธรรมดาเท่านั้น เวลาในที่แห่งนี้กับเวลาในโลกภายนอกนั้นจะไม่เท่ากัน ถ้าอยู่ในนี้หนึ่งวันก็จะเท่ากับหนึ่งชั่วโมงของโลกภายนอกแล้วสิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้คือโลกแห่งนี้คือช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดินแต่ข้างนอกยังเป็นเวลาเช้าพวกเราก็จะเห็นโลกภายนอกนั้นสว่างอยู่ ลาล่ารู้สึกมหัศจรรย์มากๆ ไม่คิดเลยว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธอได้ ทั้งนกพิราบและกระต่ายต่างก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่ตนไปเจอกันมาให้ลาล่าฟัง พอรุ่งเข้าพวกเขาก็พากันไปเดินเล่นแถวลำธาร ได้เจอกับสัตว์ตัวอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ได้ลองทำอะไรมากมายที่เธอไม่เคยลอง
พื้นที่อีกฟากฝั่งของทุ่งหญ้านั้นกษัตริย์เริ่มร้อนใจเมื่อลูกสาวของตัวเองนั้นหายไปเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว ท่านจึงเรียกเหล่าบริวารทั้งหลายมาเข้าเฝ้าแล้วถามกับเหล่าบริวารว่าเห็นลูกของตนหรือไม่แต่ทุกคนก็ตอบกลับเแนเสียงเดียวกันว่าไม่ทราบ กษัตริย์เลยออกคำสั่งเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมากให้ตามหาลูกสาวของตน ฝั่งลาล่าเธอเห็นโลกอีกฝั่งวุ่นวายเธอเลยตัดสินใจจะกลับไป แต่เธอไม่อยากจะทิ้งเพื่อนใหม่เธอ กระต่ายเห็นเช่นนั้นจึงออกความเห็นว่า”งั้นพวกเราจะไปส่งท่านเอง” ทั้งสามเดินมาส่งยังปากทางออกพร้อมทั้งสัญญาว่าตัวเธอนั้นจะกลับมาที่แห่งนี้อีกและร่ำลากัน ลาล่าเดินออกมาจากป่าไปหาท่านพ่อที่กำลังตามหาตนอยู่อีกฝั่งของป่า กษัตริน์เมื่อเป็นลูกสาวของก็รีบวิ่งมากอดลูกจองตนเอาไว้พร้อมทั้งปลอบประโลมเธอแต่เธอผละออกแล้วบอกกับเสด็จพ่อว่าข้าไม่เป็นไรเสด็จพ่อ ข้าปลอดภัยแล้วก็การผจญภัยวันนี้สนุกมากเลย แล้วลาล่าก็ยิ้นอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่พ่อของตนนั้นเคยเห็นมา