โรงเรียนบ้านมะขามเอน

หมู่ที่ 7 บ้านมะขามเอน ตำบล ท่าเคย อำเภอ สวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี 70180

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

086 1735248

สวายปาร์ค หมู่บ้านโสเภณี ความทรงจำแห่งน้ำตา

สวายปาร์ค หมู่บ้านโสเภณี ความทรงจำแห่งน้ำตา 

สวายปาร์ค หมู่บ้านโสเภณี

สวายปาร์ค หมู่บ้านโสเภณี ความทรงจำแห่งน้ำตา ภายในที่ทำงาน หรือ บ้านของหญิงสาว ด้านขวาของบ้านถูกแบ่งเป็นห้องเล็ก ฝากั้นด้วยกระดานอัดอย่างง่ายๆ ประตูห้องขึงด้วยผ้าม่านสีแดงแป๊ด เพื่อใช้เป็นห้องรับแขกที่จะมาใช้บริการ ทันทีเผื่อนและหนุ่มน้อยรุ้งระวีเข้าไปห้องที่มีเก้าอี้ไม้ตัวยาวสองตัวที่ถูกกั้นด้วยโต๊ะไม้ที่มีความยาวเท่ากันก็ถูเสิร์ฟด้วย เม็ดแตงโม ( เหมือนบ้านเรา) ที่ใส่มาในจานพลาสติกสีชมพูแป๊ดเหมือนจานของเด็กเล่นในบ้านเรา และน้ำพลาสติก สีเขียวอี้

นายเผื่อนกระหยิ่มยิ้มย่องยกดื่มหยิบกินอย่างมีความสุข เพราะมีสาวผิวขาวมานั่งกอดแขนเคล้าเคลียถึงสองคน   ส่วนหนุ่มน้อยรุ้งระวีก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีสาวผิวขาวอายุประมาณ 20 กว่าปีมานั่งกอดแนบชิด คงคิดว่า รุ้งระวีเป็นหนุ่มน้อยจริงๆ สักพัก หัวหน้าครอบครัว ( พ่อเล้า ) ก็เปิดผ้าม่านเข้ามากล่าวต้อนรับและเชื้อเชิญให้เลือกสาวเพื่อเข้าไปใช้บริการในห้องส่วนตัว นายเผื่อนกระติรือร้น ตอนกลับด้วยภาษาเขมร และหันมายิ้มกับระวี ด้วยสีหน้าที่มีความสุข  เฮ้อ! ผู้ชายเชื้อชาติไหนก็เหมือนกัน!!! ระวีมองนายเผื่อนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

ระวีเริ่มทำงานของเธอ คำถามหลายคำถามเพื่อเก็บเกี่ยวชีวิตของสาวๆที่นี่เริ่มพร่างพรู เธอถามเป็นภาษาไทย เ แล้วให้นายเผื่อนสื่อสารต่อเป็นภาษาเขมร  แต่ก็เป็นเรื่องที่ตลกร้าย  เพราะเอาเข้าจริงดูนายเผื่อนจะไม่ได้เก่งและเข้าใจภาษาไทยอย่างที่คุยโม้เอาไว้  เพราะพอระวีถามว่า หญิงสาวเหล่านี้มาอยู่ที่นี้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ? นายเผื่อนก็หันไป มะด๊งมะเด๊งภาษาเขมร แล้วหันมาตอบรุ้งระวีเป็นภาษาไทยว่า อ้อ พวกเขากินข้าวกันครบ 3 มื้อทุกวันครับ  เฮ้ย ! จะได้เรื่องไหมนี่นายเผื่อนเราไม่ได้ถามว่าเขากินข้าวกี่มื้อ  แต่รุ้งระวีก็ไม่มีทางเลือก แต่เก็บเกี่ยวเอาสิ่งที่นายเผื่อนตอบมามั่วๆ เป็นข้อมูลมาประติดปะต่อเป็นเรื่องราวจนได้

อย่างน้อยนายเผื่อนก็ช่วยได้เยอะที่มีไหวพริบที่จะถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาตอบรุ้งระวี  สาวผิวขาวที่นั่งใกล้หนุ่มน้อยรุ้งระวีเริ่มกอดรัดรุ้งระวีใกล้มากขึ้น  รุ้งระวีกอดตอบเธอด้วยท่าทางที่เป็นมิตรภาพ สักพักเธอคงรู้ว่ารุ้งระวีไม่ใช่ผู้ชาย  แต่ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรต่อเธอทำให้เธอไม่บอกใครรวมถึงพ่อเล้า  ระวีขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลใจของสาวเวียดนามอยู่ในใจ

สักพักระวีก็ให้นายเผื่อนบอกสาวๆในห้องว่า เธอไม่เองไม่ได้จะมาเที่ยว แต่เธอเพื่อมาเยี่ยมสาวๆ และเป็นนักศึกษาปริญญาโท เดินทางมาที่นี่เพื่อหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ไปส่งอาจารย์  สาวๆเหล่านั้นคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอให้นายเผื่อนบอกไปทั้งหมด เพียงแต่เข้าใจแล้วว่า หนุ่มน้อยรุ้งระวีเห็นพวกเธอเป็นเพื่อน นอกจากสาวเวียดนามที่นั่งใกล้เธอเท่านั้นที่รู้ความจริง ว่าเธอไม่ใช่ผู้ชายแต่ก็ไม่ปริปากบอกใคร มิหนำซ้ำ รุ้งระวียังรู้สึกได้ว่าพอรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง ไม่ได้มาซื้อบริการ

สาวเวียดนามยิ่งกอดรักเอเหมือนเพื่อนที่ไม่เคยเจอมานาน โถ…คงไม่เคยมีโอกาสเจอเพื่อนผู้หญิงเลย  รุ้งระวีรู้สึกเอ็นดูและสงสารอย่างจับใจ แล้วรุ้งระวีก็บอกเพื่อนสาวเวียดนามของเธอว่า  เธอต้องถ่ายรูปหมู่บ้านไปเพื่อประกอบรายงานส่งอาจารย์ เธอก็ชี้นิ้วปุ้ยใบ้ให้รุ้งระวีเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน รุ้งระวีเพิ่งสังเกตเห็นบันไดไม้ที่ทอดตัวไปบนชั้นสอง เอแอบเดินขึ้นไปเงียบๆโชคดีที่พ่อเล้าไม่อยู่ตรงนั้น ปล่อยเธอไว้กับสาวๆ รุ้งระวี หยิบกล้องที่ซ่อนมาในย่ามออกมาอย่างรวดเร็ว เธอชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง หันกล้องไปเก็บภาพ

ถนนเส้นตรงที่มีบ้านติดไฟแสงสีแพรวพราวและกลุ่มหญิงสาวที่กระจัดกระจายเต็มหน้าบ้านแต่ละบ้าน ช่างเป็นภาพที่เล่าเรื่องได้ดีจริงๆ รุ้งระวี ยิงชัตเตอร์กล้องอย่างรวดเร็ว  ถ่ายได้สองภาพ แต่ยังไม่ทันที่จะเล็งภาพเพื่อซูมภาพเข้ามาใกล้ๆ ไหล่ของเธอก็ถูกกระชาดอย่างแรงจนเธอหงายหลัง พ่อเล้านั่นเอง เขาลากรุ้งระวีมาที่ทางลงบันได และโวยวายเรียกนายเผื่อน ซึ่งพ่อเล้าเข้าใจว่าเป็นเพื่อนของรุ้งระวีมาบอกอะไรอย่างอย่าง

นายเผื่อนวิ่งมาอย่างตื่นตระหนกเพราะตกใจที่ไม่รู้ว่ารุ้งระวีไปทำอะไรมา พ่อเล้าพูดกับนายเผื่อนให้บอกต่อกับระวีว่า “ อย่าให้เพื่อของนายทำอย่างนี้อีดที่นี่มาเที่ยวผู้หญิงได้อย่างเดียวห้ามถ่ายรูป นี่ดีนะที่เข้ามาบ้านหลังนี้ เข้าบ้านอื่นเพื่อนหนุ่มน้อยของนายโดยลากไปกระทืบตายไปแล้ว”  ระวียกมือไหว้ขอบคุณพ่อเล้า และรีบให้นายเผื่อยบอกว่าเธอเป็นนักศึกษามาจากเมืองไทยมาหาข้อมูลทำงานส่งอาจารย์ 

พ่อเล้าฟังอย่างตั้งใจ แล้วอย่างไม่คาดฝัน  พ่อเล้าซึ่งมีอายุ 50 กว่าปี เดินเข้ามาตบไหล่ลูกศีรษะ รุ้งระวีเบาๆ แล้วพูดให้นายเผื่อนแปลให้ฟังว่า อ้าวไอ้หนูเป็นนักศึกษาก็ไม่บอกจะได้ให้ข้อมูลไปส่งอาจารย์ ฉันชอบคนเรียนหนังสือ” จบคำแปลของนายเผื่อน รุ้งระวียกมือไหว้ก้มตัวลงขอบคุณด้วยความนอบน้อม เธอขอบคุณด้วยใจจริงๆ มิได้เสแสร้ง 

สถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที  พ่อเล้าพาเธอเดินไปชมบริเวณบ้านทั้งห้องทำงาน ห้องนอนของสาวๆที่ทำงานอยู่ที่นั่น  พาไปชมครัวของบ้าน รุ้งระวีได้ถ่ายภาพภายในบ้านอย่างไม่คาดฝันว่าเธอจะโชคดีอย่างนี้ ภาพห้องนอนของสาวๆทำให้เธอต้องสะเทือนใจหนักอีกครั้ง เพราะมันคือห้องแคบๆที่มีเตียงไม้อัดยกลอยความกว้างของเตียงประมาณ 3 ฟุต ซึ่งพ่อเลี้ยงบอกว่า บางคนแม่ของเธอตามมาอยู่ด้วย แม่ของสาวๆก็จะนอนรออยู่ด้านล่างของเตียงซึ่งมีความกว้างประมาณ 3 ฟุตพอๆกันในขณะที่ลูกสาวทำงานรับแขก บ้าไปแล้วนี่มันชีวิตแบบไหนกัน ?! 

หลังจากที่ได้ข้อมูลครบถ้วน รุ้งระวี กล่าวขอบคุณและลาพ่อเล้ากลับ เธอให้ค่าเสียเวลาพ่อเล้าเป็นเงินไทยประมาณ 500 บาท ซึ่งก็มากโขอยู่สำหรับกัมพูชา ก่อนจะก้าวออกจากบ้าน พ่อเล้าเรียกให้สาวๆในบ้าน มารวมตัวกัน เพื่อถ่ายรูปกับรุ้งระวีเป็นที่ระลึก รุ้งระวีถ่ายรูปพวกเธอด้วยหัวใจที่ร้องไห้อยู่ข้างใน เพราะสีหน้าของทุกคนร่วมทั้งพ่อเล้าแช่มชื่น เหมือนมีญาติมาเยี่ยม  เธอทรยศพวกเขารุ้งระวีกล่าวขอโทษในใจอย่างรู้สึกผิดในใจ

รุ้งระวีก้าวพ้นประตูบ้านออกมาแล้วหันหน้าไปดู ก็พบสาวๆในบ้านออกมาโบกมืออำลาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เหมือนส่งญาติส่งเพื่อนที่มาเยี่ยม คราวนี้รุ้งระวีไม่กลั้นน้ำตา เก็บความรู้สึกอีกแล้ว น้ำตาของเธอไหลพราก ส่งสารพวกเขาจับใจ รุ้งระวีร้องไห้อย่างไม่อายนายเผื่อน เธอรูสึกผิดกับพวกเขาที่โกหก เธอทำได้แค่ยกมือไหว้แล้วก้มศีรษะและตัวลงอย่างอ่อนน้อมที่สุดเป็นการอำลาสาวๆและพ่อเล้าที่แสนใจดี “ขอบคุณ ขอโทษ และลาก่อนทุกคน “ เธอพึมพำออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่

รถตู้แล่นออกจากหมู่บ้านสวายปาร์ค มานานแล้ว แต่รุ้งระวี ยังคงร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่หยุด  เราจะเขียนเรื่องของพวกเธอให้ดีและยุติธรรมกับพวกเธออย่างที่สุด รุ้งระวีพึมพำสัญญาให้กับพวกเธอไม่ได้ยิน แบะเธอจะทำคามสัญญา