โรงเรียนบ้านมะขามเอน

หมู่ที่ 7 บ้านมะขามเอน ตำบล ท่าเคย อำเภอ สวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี 70180

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

086 1735248

เรื่องของวัคซีนโควิด 19

เรื่องของวัคซีนโควิด 19

เรื่องของวัคซีนโควิด 19

 

เรื่องของวัคซีนโควิด 19 ขณะที่ทั่วโลกกำลังประสบกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ สิ่งที่เป็นความหวังสูงสุดของคนทั้งโลกตอนนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าวัคซีนที่กำลังจะกระจายออกมาจากผู้ผลิตรายต่างๆ เพื่อเตรียมที่จะทยอยฉีดให้กับคนทั้งโลก ในความจริงก็ได้มีการฉีดวัคซีนให้ผู้คนไปแล้วบางส่วนซึ่งก็ต้องอยู่ระหว่างการเฝ้าดูและติดตามผลของการฉีดวัคซีนดังกล่าว ต้องยอมรับกันว่ากระบวนการในการผลิต ทดสอบและแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ของแต่ละองค์กรนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนปกติ เนื่องจากมีความรีบเร่งเพื่อที่จะนำวัคซีนออกมาใช้งานจริงให้เร็วที่สุด โดยเร็วกว่าระยะเวลาตามกระบวนการปกติที่น่าจะใช้เวลาหลายปีในการทดสอบและเก็บข้อมูลผลของการใช้งานและสร้างความมั่นใจว่าการใช้วัคซีนจะไม่เกิดผลกระทบกับผู้รับและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกจึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ในเวลาที่ผ่านมาก็มีข่าวเรื่องผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่ปวดเมื่อย ปวดหัว อ่อนเพลียและมีไข้ไปจนถึงมีผื่นขึ้นและใบหน้าบวมสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้วัคซีนมากกว่าคนปกติ ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วัคซีนเป็นเพียงเดียวสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้ ผู้คนติดเชื้อและเสียชีวิต มากขึ้น โดยวัคซีนจะสอนให้ร่างกายของเราให้ต่อสู้กับการติดเชื้อโดยการหยุดไม่ให้เราติดเชื้อหรืออย่างน้อยก็ทำให้โควิด-19 เป็นอันตรายน้อยลง การมีวัคซีนควบคู่ไปกับการรักษาที่ดีกว่าคือ “ทางออก” ของสถานการณ์นี้

วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (AstraZeneca) ของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด

การเปิดตัวของวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2021 วัคซีนตัวนี้ได้รับการอนุมัติในช่วงปลายปี 2020 หลังจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า 70% ของผู้ที่เกิดอาการของโควิด-19 หยุดอาการได้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจที่ชี้ให้เห็นว่าการปรับขนาดยาให้สมบูรณ์แบบสามารถเพิ่มการป้องกันได้ถึง 90% โดยผู้ได้รับวัคซีนแต่ละคนจะต้องได้รับในปริมาณ 2 โดส แอสตร้าเซเนกร้าเป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีความง่ายที่สุดในการแจกจ่ายเนื่องจากไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด แอสตร้าเซเนกร้าถูกสร้างขึ้นจากไวรัสหวัดธรรมดาที่อ่อนแอจากลิงชิมแปนซีซึ่งได้รับการดัดแปลงให้ไม่เติบโตในตัวมนุษย์

วัคซีนไฟเซอร์ – ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNtech)

วัคซีนไฟเซอร์ – ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) ได้รับการเผยแพร่ผลการวิจัยครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2020 โดยแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงถึง 95% โดยผู้ที่ได้รับการฉีดต้องได้รับในปริมาณ 2 โดสห่างกันสามสัปดาห์ วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคจะต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิประมาณ -70 องสาเซลเซียส จะถูกขนส่งในกล่องพิเศษบรรจุในน้ำแข็งแห้งและติดตั้งตัวติดตาม GPS

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเท็คสำหรับการใช้อย่างแพร่หลาย โดยมาร์กาเร็ต คีแนน (Margaret Keenan) วัย 90 ปีเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับวัคซีนที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในโคเวนทรี ตั้งแต่นั้นมาผู้คนมากกว่าล้านคนในสหราชอาณาจักรได้รับการฉีดวัคซีนตัวนี้

วัคซีนโมเดอร์น่า (Moderna)

วัคซีนโมเดอร์น่า (Moderna) เป็นวัคซีนชนิดใหม่ที่เรียกว่าวัคซีนอาร์เอ็นเอและใช้ส่วนเล็ก ๆ ของรหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 วัคซีนสิ่งนี้เริ่มสร้างส่วนหนึ่งของไวรัสภายในร่างกายซึ่งระบบภูมิคุ้มกันรับรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและเริ่มโจมตี บริษัทกล่าวว่าวัคซีนโมเดิร์น่าสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 94.5% ของผู้คนที่ได้รับการฉีด โดยจะต้องได้รับจำนวน 2 โดสห่างกัน 4 สัปดาห์ มีผู้มีส่วนร่วมในการทดสอบวัคซีนนี้ 30,000 คน วัคซีนโมเดอร์น่าใช้แนวทางเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์ในการผลิต แต่ข้อดีกว่าคือสามารถเก็บได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีความคงตัวที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสและอยู่ได้นานถึงหกเดือน

วัคซีนอื่นอะไรอีกบ้าง

นอกจากวัคซีนทั้ง 3 ชนิดที่กล่าวมานี้ ยังคาดว่าจะมีผลการทดลองวัคซีนตัวอื่นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนสปุตนิก 5 (Sputnik V) ของรัสเซีย ซึ่งทำงานได้เหมือน วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าของอ็อกซ์ฟอร์ด แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพถึง 92% สถาบันวิจัยกามาเลย่า (Gamaleya) ของรัสเซียกำลังทำการทดสอบขั้นสุดท้ายอยู่ สถาบันผลิตภัณฑ์ชีววิทยาแห่งอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Biological Products) และ บริษัทชิโนปาร์ม (Sinopharm) ในประเทศจีนได้ร่วมกันผลิตวัคซีนออกมา รวมทั้งบริษัทชิโนแวคไบโอเทค (Sinovac Biotech) เช่นกัน โดยได้มีการนำออกมาใช้งานแล้วในหลายประเทศ การทำความเข้าใจว่าวิธีใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะมีความสำคัญมาก และการทดลองกับผู้ติดเชื้อโดยความเต็มใจสามารถช่วยได้มาก

ใครควรจะได้รับวัคซีนก่อน

ขึ้นอยู่กับว่าโควิด-19 แพร่กระจายไปที่ใดเมื่อวัคซีนพร้อมใช้งานและกลุ่มใดที่ผลการให้วัคซีนแล้วมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในสหราชอาณาจักรคนที่อยู่อาศัยและพนักงานในสถานที่ดูแลผู้สูงอายุอยู่ในลำดับความสำคัญอันดับต้นของสหราชอาณาจักร ตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ เช่นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี โดยอายุเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของโควิด-19

สิ่งที่จะต้องทำต่อไป

การพัฒนาและผลิตวัคซีนจำนวนมากจะต้องเกิดขึ้นสำหรับปริมาณที่มีความเป็นไปได้หลายพันล้านโดส นักวิจัยยังคงต้องค้นหาว่าการป้องกันโดยวัคซีนใดๆ จะคงอยู่ได้นานเพียงใด คาดว่า 60-70% ของประชากรทั่วโลกต้องได้รับภูมิคุ้มกันเพื่อหยุดการแพร่กระจายของไวรัสได้ง่ายขึ้นหรือเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นมากหากมีวิธีการรูปแบบใหม่ที่สามารถขนส่งได้ปริมาณมากขึ้นและกระจายไปได้อย่างกว้างขวางกว่าเดิม

วัคซีนจะป้องกันทุกคนได้หรือไม่

ผู้คนตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนต่างกัน ตามประวัติชี้ให้เห็นว่าวัคซีนใดๆ อาจประสบความสำเร็จน้อยกว่าในผู้สูงอายุเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุไม่ตอบสนองเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับการกระตุ้นภูมิต้านทานไข้หวัดประจำปี แต่ข้อมูลจนถึงขณะนี้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้อาจไม่ใช่ปัญหากับวัคซีนโควิด-19 บางชนิด การให้วัคซีนหลายโดสอาจเอาชนะปัญหาใดๆ ได้เช่นเดียวกับการให้สารเคมีหรือที่เรียกว่าสารเสริม ที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

ประเทศไทยกับวัคซีน

ประเทศไทยเราได้สั่งซื้อวัคซีนโคโรน่า แวค (Corona Vac) จากบริษัทชิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จากประเทศจีนจำนวน 2 ล้านโดส โดยจะได้รับล็อตแรกเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เพื่อทะยอยฉีดให้กับประชาชน 8 แสนคนก่อน

ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้ทำสัญญากับบริษัทแอสตร้าเซเนกร้าที่จะให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด (Siam Bioscience) ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทำการผลิตวัคซีนจำนวน 26 ล้านโดสด้วยต้นทุนโดสละเพียง 151 บาท โดยรัฐบาลไทยจะซื้อวัคซีนจากบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัดในราคาทุนเพื่อนำไปฉีดให้คนไทยต่อไป โดยคาดว่าจะผลิตให้เสร็จภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมในอนาคตประเทศไทยมีแผนที่จะซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจากโคแว็กซ์ ฟาซิลิตี้ (Covax Facility) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาและเจรจา ประเทศไทยเรามีแผนที่จะฉีดวัคซีนให้ประชากรจำนวน 33 ล้านคน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ